หอแห่งแรงบันดาลใจ

Rating: 5/5 (1 votes)

วันเปิดทำการ: ทุกวัน

เวลาเปิดทำการ: 08.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม: ตั๋วรวมเข้าได้ 4 ที่ ได้แก่ หอแห่งแรงบันดาลใจ, พระตำหนักดอยตุง, สวนแม่ฟ้าหลวง และสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง (ดอยช้างมูบ) ผู้ใหญ่ 220 บาท /ผู้สูงอายุ นักเรียน ผู้พิการ 110 บาท ตั๋วแยก ผู้ใหญ่ 90 บาท ผู้สูงอายุ นักเรียน ผู้พิการ 45 บาท

 

หอแห่งแรงบันดาลใจ โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ภายใต้การบริหารจัดการของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ แต่เดิมคือหอพระราชประวัติ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ต่อมาได้ปรับปรุงเป็นหอแห่งแรงบันดาลใจ เป็นนิทรรศการแบบสื่อผสมผสาน โดยจุดประสงค์ เพื่อให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่รวมถึงชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวดอยตุง ได้รู้จักและเข้าใจถึงแนวพระราชดำริของสมาชิกทั้งห้าพระองค์ในราชสกุลมหิดล อันประกอบด้วย

1. สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก 

2. สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 

3. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล 

4. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช 

5.สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 

 

หอแห่งแรงบันดาลใจ นิทรรศการถ่ายทอดพระราชจริยวัตรในการทำงาน และพระวิริยะอุตสาหะที่มุ่งพัฒนาความเป็นอยู่ของคนไทย โดยหวังให้ผู้เข้าชมได้เกิดแรงบันดาลใจ ยึดมั่นในความดี คิดดี และประพฤติปฏิบัติดีเท่าที่ตนเองจะสามารถทำได้ เพื่อพลังแห่งความดีนี้ เช่น ราชสกุลมหิดลที่เปรียบเสมือนหยดน้ำหยดเล็กๆ ที่ค่อยๆ หลั่งริน สร้างแรงกระเพื่อม ดับร้อน และบันดาลความชุ่มชื่นผาสุกไปทั่วแผ่นดินไทย ภายในแบ่งเป็น

 

ห้องที่ 1 ถ่ายทอดเรื่องราวของ ราชสกุลมหิดล กล่าวถึงราชสกุลมหิดล ในฐานะครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่งที่อบอุ่น เปี่ยมไปด้วยรัก และเปรียบดั่งหยดน้ำที่รวมตัวกันหลั่งลงมาบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่พสกนิกรชาวไทย

 

ห้องที่ 2 ถ่ายทอดเรื่องราวของราชสกุลผ่านพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นห้องที่นำเสนอพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ในแต่ละช่วงของพระชนม์ชีพ จากเด็กสาวสามัญ (เด็กหญิงสังวาลย์) มาเป็นคู่ชีวิตเจ้าฟ้า (หม่อมสังวาลย์) ได้ซึมซับพระราชปณิธานอันแรงกล้าของสมเด็จพระบรมราชชนก และทรงนำมาอบรมเลี้ยงดูพระโอรส พระธิดา ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เมื่อทรงเป็นแม่ของลูก (พระราชชนนีศรีสังวาลย์) ช่วงสุดท้ายทรงเป็นแม่ฟ้าหลวง (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสมีชีวิตที่ดีขึ้น

 

ห้องที่ 3 ถ่ายทอดเรื่องราวของ "การกลับคืนสู่มาตุภูมิของราชสกุลมหิดล" ที่ห้องนี้เขียนไว้ว่า "จากดินบินสู่ฟ้า จากฟ้าคืนแผ่นดิน" เป็นเหตุการณ์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยสมาชิกพระองค์หนึ่งของราชสกุลนี้ต้องทรงเปลี่ยนแปลงจากชีวิตส่วนพระองค์ที่มีความสุขเรียบง่าย อิสระ มาทรงรับหน้าที่อันสูงสุด เป็นความหวังของประชาชน เสด็จนิวัติกลับคืนสู่มาตุภูมิด้วยความรับผิดชอบที่ทรงมีต่อประเทศชาติ

 

ห้องที่ 4 ถ่ายทอดเรื่องราวของ "ความทุกข์ยากของประชาชน" ที่จะสะท้อนความทุกข์หลายมิติของปัญหาที่คุกคามคุณภาพชีวิตของประชาชน และบั่นทอนคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยนำเสนอผ่านแผ่นกระดานเขาวงกตที่บอกเล่าให้เห็นถึงความทุกข์ยากของพสกนิกร

 

ห้องที่ 5 ถ่ายทอดเรื่องราวของแบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนอย่างยั่งยืน ซึ่งอุปกรณ์ธรรมดา ๆ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ใช้ทรงงานจนคุ้นตา ได้แก่ แผนที่ วิทยุสื่อสาร ดินสอ และกล้องถ่ายรูป สะท้อนให้เห็นหลักการและวิธีการทรงงาน ที่มีความมุ่งมั่นทำความ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อแก้ไขปัญหาของคนไทย

 

ห้องที่ 6 ถ่ายทอดเรื่องราวของ"แบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนบนดอยตุง" ห้องนี้สะท้อนพระวิสัยทัศน์และการทรงเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อทรงมีพระชนมายุ 87 พรรษา เพื่อแก้ไขปัญหาการปลูกฝิ่น ความเสื่อมโทรมของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจบนดอยตุง อย่างครบวงจรด้วยการ “ปลูกป่า ปลูกคน” ควบคู่กันไป

 

ห้องที่ 7 ถ่ายทอดเรื่องราวห้องแห่งแรงบันดาลใจ แรงบัลดาลใจที่สมาชิกราชสกุลมหิดลทั้งห้าพระองค์ทรงมีต่อกัน และกัน ที่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหา และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีแก่ประเทศชาติ