มัสยิดดารุ้ลมู่ฮาญี่รีน

วันเปิดทำการ: ทุกวัน

เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.

 

มัสยิดดารุ้ลมู่ฮาญี่รีน ที่เที่ยวกรุงเทพ บ้านเลขที่ 43/27 หมู่ที่ 5 ซอยซอยชานเมือง ถนนซอยชานเมือง ตำบลดินแดง อำเภอดินแดง มัสยิดในกรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10400 ณ บริเวณที่ตั้งมัสยิดดารุ้ลมู่ฮาญีรีน แต่เดิมนั้นเป็นทุ่งนากว้าง แต่ก็ไม่ห่างจากพระนครเท่าใดนัก เรียกได้ว่าเป็นแถบชานพระนคร เมื่อประมาณ พ.ศ. 25๐2 – พ.ศ. 25๐4 โดยมีผู้ดำริจัดสรรที่ดินแบ่งขายและทำถนนซอยเข้าบริเวณจัดสรร และได้เรียกชื่อถนนซอยนี้ว่า “ซอยชานเมือง” จนกระทั่งทุกวันนี้ โดยซอยชานเมืองมีเส้นทางติดต่อเชื่อมกับซอยพร้อมพรรณ (ร.ร.พร้อมพรรณ) และเชื่อมกับซอยอาคารสงเคราะห์ห้วยขวางด้วย โดยทั้งซอยพร้อมพรรณและซอยอาคารสงเคราะห์เป็นเส้นทางที่เชื่อมกับถนนดินแดงทั้งสองซอย

 

เมื่อ พ.ศ.25๐6 พี่น้องมุสลีมีนหลายครอบครัว ซึ่งพักอาศัยอยู่ ณ บริเวณสามเหลี่ยม ถนนดินแดง และได้เริ่มอพยพย้ายที่พักอาศัยไปอยู่ ณ บริเวณซอยชานเมือง (ห้วยขวาง) เขตอำเภอบางกะปิ (ซึ่งปัจจุบันเป็นท้องที่ของอำเภอพญาไท) โดยการที่อพยพก็เนื่องจากที่ดินที่ปลูกบ้านพักอาศัยอยู่นั้นเป็นที่ดินของกรมประชาสงเคราะห์ และทางราชการต้องการสร้างอาคารถาวร ณ บริเวณนั้น ดังปรากฏแก่สายตาของท่านที่ผ่านไปมาอยู่ขณะนี้

 

การอพยพของพี่น้องมุสลิมีนไปยังบริเวณซอยชานเมืองกระทำกันอยู่เรื่อยๆ จนเกิดเป็นชุมนุมชนมุสลิมที่หนาแน่น เมื่อเกิดเป็นชุมนุมที่หนาแน่นขึ้นแล้ว ก็เกิดความคิดว่า ควรจะมีศูนย์รวมขึ้นในชุมนุมแห่งนี้ความคิดเหล่านี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในครั้งแรก 3 คน คือ นายประวิทย์ พูลสวัสดิ์ นายทองคำ มิ่งสมร และนายอับดุลเลาะห์ มูซา โดยเมื่อได้ปรึกษาหารือกันจนเป็นที่ตกลงใจแล้ว ก็ได้นัดหมายเชิญบรรดามุสลิมีนในกลุ่มนี้มาปรึกษาหารือกันเป็นส่วนรวมอีกครั้งหนึ่ง การปรึกษาหารือกันกระทำที่บ้านของ นายประวิทย์ พูลสวัสดิ์ และมีผู้มาร่วมปรึกษาหารือกันในครั้งนั้นประมาณ 4๐ คน เมื่อได้ปรึกษาหารือกันแล้ว ซึ่งต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะสร้างมัสยิดขึ้น จึงได้พิจารณาตั้งคณะกรรมการดำเนินการก่อสร้างขึ้นชุดหนึ่ง จำนวน 15 คน จากการประชุมของคณะกรรมการครั้งแรก จากที่ประชุมได้พิจารณาเลือกบุคคลที่จะทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการฯ และได้ลงมติเอกฉันท์ให้ นายประวิทย์ พูลสวัสดิ์ เป็นผู้ทำหน้าที่ประธานฯ

 

โดยต่อมาเมื่อ พ.ศ. 25๐7 คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาจัดหาที่ดินสำหรับก่อสร้างฯ โดยมี นายทองคำ มิ่งสมร ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงและได้จัดซื้อที่ดินไว้ 9๐ ตารางวา ในราคาตารางวาละ 3๐๐ บาท พวกเราได้ช่วยกันสละทรัพย์คนละเล็กละน้อย ตามกำลังความสามารถ พวกเราส่วนมากมีฐานะค่อนข้างขัดสน หรืออยู่ในฐานะหาเช้ากินค่ำนั่นเอง การดำเนินการในเรื่องนี้ จึงเป็นไปด้วยความขลุกขลักพอสมควรทีเดียว แต่ก็ด้วยเดชะพระบารมีแห่งเอกองค์อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) ได้โปรดประธานฮีดายะฮ์ ให้คณะของเราได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องมุสลีมีนอย่างอบอุ่นใจยิ่ง

 

การดำเนินการก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 25๐8 ซึ่งพิธีในวันนั้นมีพี่น้องมุสลีมีนไปร่วมให้กำลังใจอย่างอบอุ่น และในวันนั้นมีท่านผู้ใหญ่ในวงการมุสลิมได้กรุณาไปร่วมด้วยหลายท่าน และใคร่จะขอกล่าวนามไว้ ณ ที่นี้เพียง 2 – 3 ท่าน คือ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตสอูดีอารเบียประจำประเทศไทย (แช็คอับดุรเราะฮ์มาน อัลอิมรอน), ท่านครูอับดุลเลาะฮ์ สี่แยกมหานาค, และตวนฮัจยีซัน โยธาสมุทร ที่ยังความปลาบปลื้มแก่พวกเราสุดจะพรรณา

 

ในวันทำพิธีวางรากฐานมัสยิดฯ นั้น ฯพณฯ อับดุรเราะฮ์มาน อัลอิมรอน โดยเอกอัครราชทูตสอูดีอารเบียประจำประเทศไทย (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่) ได้กรุณาถามความเป็นมาของพวกเราว่า ท่านมาจากแห่งหนตำบลใด พวกเราได้ชี้แจงให้ท่านทราบว่า อพยพมาจากสามเหลี่ยม ถนนดินแดงบ้าง และจากตำบลอื่นๆ บ้าง คุณครูสอิ๊ด ประภาพ วิจิตรตระการสพ แห่งอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย โดยได้กรุณาเป็นล่ามให้ เมื่อท่านได้ทราบความเป็นมาโดยละเอียดแล้ว ท่านบอกว่าเห็นใจและปลื้มใจมาก และกรุณาดำริว่า โดยที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นผู้ที่อพยพมาจากตำบลต่างๆ เป็นส่วนมาก มัสยิดหลังนี้จึงสมควรให้ชื่อว่า “ดารุ้ลมู่ฮาญีรีน” เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ และชื่อนี้เป็นชื่อที่ประธานกรรมการดำเนินการก่อสร้างมีความประสงค์อยู่ก่อนแล้ว

 

การก่อสร้างฯ ดำเนินการมาตั้งแต่ 14 เมษายน 25๐8 จนถึงบัดนี้ ได้อาคารมัสยิดฯ นั้นพอเป็นรูปเป็นทรง หลังอาคารยังไม่เรียบร้อยพอที่จะกันแดดกันฝนได้ และถึงกระนั้นความจำเป็นในการทำยุมอั๊ตสำคัญกว่า แม้ว่าระหว่างทำพิธียุมอั๊ตฝนจะตกลงมาหรือแสงแดดจะส่องเจิดจ้า หาใช่จะเป็นอุปสรรคในการทำยุมอั๊ตไม่ เราทั้งหลายได้พร้อมใจกันเปิดทำพิธียุมอั๊ตขึ้นเป็นปฐม เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2511 และมีท่านผู้ทรงคุณวุฒิได้กรุณามาร่วมในพิธีเปิดยุมอั๊ตจำนวนหลายท่าน นับเป็นเนี๊ยะมัต และบารอกั๊ตอย่างดียิ่ง สมดังเจตนาแล้ว