
อนุเสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า




สถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
อนุเสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า การจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น โดยสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยได้ริเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ซึ่งคิดที่จะรวมทุนจากนักเรียนเก่าวชิราวุธก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ประดิษฐานในโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย แต่เมื่อข่าวแพร่หลายออกไป ทำให้ประชาชนผู้จงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์จำนวนมาก และมีแนวความคิดที่จะประดิษฐานในโรงเรียน จึงเปลี่ยนไป สมาคมฯ มีความเห็นว่า ควรจะประดิษฐานในที่สาธารณะซึ่งประชาชนสามารถเข้าสักการะได้โดยสะดวก และสมควรนำเสนอโครงการให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการ
รัฐบาลขณะนั้นมีจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี นั้นมีความเห็นชอบโครงการและรับดำเนินการตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องสร้างพระบรมรูปเป็นอนุสาวรีย์เชิดชูพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2482 ดังข้อความตอนหนึ่งว่า ด้วยคณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาพร้อมกันเห็นว่า จึงเห็นสมควรว่าควรจะสร้างพระบรมรูปสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าแห่งประเทศไทยในเบื้องบรรพ์ โดยผู้ทรงพระคุณธรรมอันมหาประเสริฐและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ นั้นเป็นคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวง ในประวัติการณ์แห่งประเทศชาติ ก็เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงความจงรักภักดี และกตัญญูกตเวทิตาธรรมของประชาชนชาวไทย และเป็นถาวรนิมิตรเชิดชูเกียรติประเทศไทยชั่วกาลนาน
ฉะนั้นจึงได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้จัดสร้างพระบรมรูปสมเด็จพระมหาราชเจ้ารวม 8 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช, สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง), พระเจ้าพรหมมหาราช, สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี, สมเด็จพระนาราย์มหาราช และพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้นประดิษฐานไว้ในจังหวัดอันเป็นแหล่งหรือมูลเดิมแห่งการที่ก่อตั้งพระเกียรติประวัติของแต่ละพระองค์
โดยเหตุที่ได้มีคณะบุคคลผู้จงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกำลังดำเนินการรวบรวมทุนเพื่อสร้างพระบรมรูปถวายเป็นอนุสรณ์แด่พระองค์อยู่บ้างแล้วประการหนึ่ง โดยอีกประการหนึ่งเทศบาลนครกรุงเทพกำลังจะบูรณะสวนลุมพินี ซึ่งได้สร้างขึ้นเพื่อฉลองรัชกาลของพระองค์ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันสมบูรณ์แห่งหนึ่งในจังหวัดพระนคร โดยถ้าได้พระบรมรูปของพระองค์ท่านประดิษฐานเป็นสง่าอยู่ที่สวนลุมพินีในขณะนี้แล้วก็ย่อมเหมาะแก่กาละเทศะอย่างยิ่ง โดยเหตุนี้คณะรัฐมนตรีจึงได้ลงมติให้ดำเนินการสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นปฐม กำหนดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเปิดทันวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2483 ณ สวนศิวาลัย ในพระบรมมหาราชวัง โดยเริ่มหล่อส่วนพระเศียรก่อน แล้วจึงหล่อส่วนพระองค์ ด้วยการหล่อพระบรมรูปทั้งองค์เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2484 นับเป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ที่ทำการหล่อรูปใหญ่ขนาดนี้ได้สำเร็จในประเทศ ก่อนหน้านี้ต้องจ้างหล่อในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรป
การหล่อและแต่งองค์พระบรมรูปนี้ กรมศิลปากรได้มอบหมายให้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี นั้นเป็นผู้ออกแบบและปั้นหล่อ โดยเริ่มหล่อส่วนพระเศียรก่อน แล้วจึงหล่อส่วนพระองค์ แต่การหล่อพระบรมรูปทั้งองค์เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2484 นับเป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์ที่ทำการหล่อรูปใหญ่ขนาดนี้ได้สำเร็จในประเทศ โดยก่อนหน้านี้ต้องจ้างหล่อในต่างประเทศโดยเฉพาะในยุโรป เทศบาลนครกรุงเทพฯ ดำเนินการสร้างแท่นฐานและภูมิทัศน์โดยรอบ
ต่กข้อสันนิษฐานจากภาพถ่ายและบันทึกพบว่ามีการเปลี่ยนแท่นฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมที่ใช้ประดิษฐานพระบรมรูปให้มีขนาดสูงขึ้น เพื่อความสมส่วนกับองค์พระบรมรูป จึงทำให้พระบรมราชานุสาวรีย์ดูสง่างามมากขึ้น และจากภาพถ่ายทางอากาศพบว่า โดยเมื่อแรกเริ่มสร้างสระน้ำพุที่ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นรูปวงกลม ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่ทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ส่วนชิ้นงานองค์พระบรมรูปมิได้มีข้อสันนิษฐานเป็นอื่นที่ต่างไปจากภาพปัจจุบัน ภาพรวมนั้นยังคงสภาพดีมากอยู่เช่นเดิม จะมีก็เป็นเพียงสีที่มีความด่าง ที่เกิดจากสภาพอากาศ, น้ำฝน, ฝุ่นละออง และมูลนก โดยน่าจะทิ้งช่วงระยะเวลาของการล้าง รมสีและเคลือบผิวชิ้นงานมานานระยะเวลาหนึ่ง




แสดงความเห็น
คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage