
วัดพลับพลาชัย

Rating: 4/5 (7 votes)




สถานที่ท่องเที่ยวเพชรบุรี
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาเปิดทำการ: 08.00 - 17.00 น.
วัดพลับพลาชัย นั้นจัดสร้างขึ้นในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีตกอยู่ในระหว่าง พ.ศ.2229 - พ.ศ. 2310 ในสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 4 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษโดยบรรดาขุนนางพ่อค้าคหบดี และประชาชน นั้นรวมทุนกันสร้างขึ้นเดิมที่ดินอันเป็นที่ตั้งวัดนี้เคยเป็นที่ประชุมกองทัพ เป็นที่ฝึกอาวุธของทแกล้วทหารทั้งปวง จึงเป็นที่หลวงได้เคยมี “พลับพลา” ที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเพชรบุรีด้วย เมื่อได้ก่อสร้างวัดขึ้นแล้วจึงตั้งชื่อวัดว่า “พลับพลาชัย” อันเป็นมงคลนามเรียกขานกันมากว่า 200 ปีแล้ว
ที่ตั้งวัดในปัจจุบันนี้ อยู่ตรงใจกลางเมืองเพชรบุรี ทิศตะวันออกจดแม่น้ำเพชรบุรี ทิศตะวันตกติดวัดและทางเดินเข้าวัดแก่นเหล็ก ทิศเหนือติดกับโบสถ์ศรีพิมลธรรม (คริสตจักรที่ 17)และมีอาคารร้านค้า และห้างสรรพสินค้าสุริยะ
ทิศใต้ติดตรอกทางเดินเข้าวัดแก่นเหล็ก มีถนนดำเนินเกษมตัดจากศาลากลางจังหวัดไปยังพระราชวังรามนิเวศน์(วังบ้านปืน)ถนนได้แบ่งวัดออกเป็น 2ส่วน ส่วนทางด้านตะวันออก เป็นที่ตั้งอุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ เป็นส่วนพุทธาวาส
ส่วนทางด้านตะวันตกเป็นที่ตั้งอาคารโรงเรียนปริยัติธรรม กุฏิเสนาสนะสงฆ์ ศาลาฌาปนสถาน เป็นส่วนสังฆาวาส แยกจากกันหลักฐานที่ยืนยันอันแน่ชัดได้ว่าวัดพลับพลาชัยได้สร้างมาแต่สมัยศรีอยุธยายุคปลาย ก็คือพระประธานในอุโบสถซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นแบบสุโขทัย
หน้าตักกว้าง 170เซนติเมตร ปิดทองคำเปลว ประทับบนฐานปัทมามาศสูงจากฐานเชียง 155 เซนติเมตร ฐานปัทมามาศประดับด้วยกระจกสีต่างๆฐานเชียงสูงจากพื้นอุโบสถถึงองค์พระ 2 เมตร 55 เซนติเมตร พระพุทธรูปปั้นทรงนี้ มักนิยมสร้างกันมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงมาเห็น และทรงให้คำรับรองว่า เป็นฝีมือปั้นของช่างในสมัยศรีอยุธยาตอนปลายแน่นอน นอกจากนี้ยังมีหลักฐานปรากฎด้วยว่าในรัชสมัยของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรัชกาลที่1แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
วัดพลับพลาชัย ได้สร้างขึ้นมาแล้วเมื่อประมาณ พ.ศ.2340 ได้มีพระภิกษุเชื้อสายจีนผู้หนึ่งได้เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้รื้อถอนอุโบสถหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมแล้วสร้างหลังใหม่ขึ้นแทนที่ โดยสร้างแบบก่ออิฐถือปูนในเขตวิสุงคามสีมาเดิม และได้อัญเชิญพระประธานองค์เดิมเข้ามาประดิษฐานในอุโบสถ
หลังใหม่ต่อไป ที่หน้าอุโบสถหลังใหม่ ท่านได้สร้างเก๋งจีนขึ้นหลังหนึ่ง ก่อด้วยอิฐถือปูนเพื่อใช้เป็นที่บรรเลงดนตรีในเวลามีผุ้นำนาคมาอุปสมบท และหอระฆังที่หน้าอุโบสถมีสิงห์โตหินอยู่คู่หนึ่ง(ปัจจุบันหายไปแล้ว) สิงห์โตหินคู่นี้นัยว่ามีพ่อค้าจีนนำมาถวายท่านไว้ และเป็นสิงห์โตที่แกะสลักมาจากเมืองจีน
เพราะในยุคปลายกรุงศรีอยุธยาติดต่อกับสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ไทยกับจีนเริ่มมีการค้าติดต่อกันแล้ว รูปสิงห์โต รูปตุ๊กตาเมืองจีน พ่อค้ามักใช้เป็นอับเฉาถ่วงเรือสำเภาในสมัยนั้น
ต่อมาเจ้าอาวาสเชื้อจีนรูปนี้ได้สร้างศาลาแรเปรียญขึ้นอีก 1 หลัง สร้างถัดจากวิหารไปทางทิศเหนือ โดยสร้างเป็นแบบทรงไทยสมัยอยุธยา แต่มีบันไดด้านข้างทิศใต้ ก่อด้วยอิฐถือปูน 2 บันได ขึ้นลงคนละทาง คล้ายๆ กับบ้านขุนนางจีนในกรุงปักกิ่งเก๋งจีนหน้าอุโบสถยังคงมีอยู่จนทุกวันนี้
เนื่องจากเจ้าอาวาสเชื้อสายจีนรูปนี้ ไม่ว่าท่านจะปลูกสร้างถาวรวัตถุชิ้นใดไว้ในวัดพลับพลาชัย ท่านมักจะทิ้งศิลปะแบบจีนไว้ด้วย ชาวบ้านจึงพากันเรียกชื่อท่านว่า หลวงพ่อจีน จนติดปากทั่วไป ทำให้เราไม่อาจสืบทราบนามจริง
และประวัติของท่านให้แน่ชัดได้แม้ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 1แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นี้พม่าได้ยกกองทัพใหญ่(สงคราม 9 ทัพ)เข้ามารุกรานประเทศไทย สมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล(วังหน้า)ได้ยกทัพเรือมาทางอำเภอบ้านแหลม และมาขึ้นบกที่หน้าวัดพลับพลาชัย แล้วจึงเดินทัพไปทางอำเภอชะอำ สามร้อยยอด เพื่อไปตีเมืองกลางคืน
แม้ในรัชสมัยของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยุ่หัว สุนทรภู่ เจ้ากรมพระอาลักษณ์ ได้มาราชการในจังหวัดเพชรบุรีโดยทางเรือ ก็ได้บรรยายถึงวัดพลับพลาชัยไว้ในนิราศเมืองเพชรบุรีของท่าน แสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่า วัดพลับพลาชัย ได้สร้างมานานแล้ว และได้เจริญรุ่งเรืองมาช้านานแล้วด้วย ฯลฯ




แสดงความเห็น
คำค้น (ขั้นสูง) |
Facebook Fanpage