Rating: 2.8/5 (26 votes)
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
วันเปิดทำการ: ทุกวัน
เวลาทำการ: 08.30 – 16.30 น.
เวลาจำหน่ายบัตร: 08.30 – 15.30 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็กนักเรียน 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ เที้ยวเชียงใหม่ เที่ยวภาคเหนือ พระราชวัง ตั้งอยู่บนดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง ใช้เส้นทางเดียวกันกับพระธาตุดอยสุเทพ พระตำหนักฯอยู่เลยจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร พระตำหนักภูพิงค์ฯ เป็นพระตำหนักประทับในวโรกาสที่เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับแรมที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใช้เป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะที่เสด็จฯเยือนประเทศไทยซึ่งแต่เดิมจะประทับรับรองแต่ในพระนครหลวงเท่านั้น
พระตําหนักภูพิงคราชนิเวศน์ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีการสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2504 โดยในครั้งแรกได้ก่อสร้างเฉพาะองค์พระตำหนักที่ประทับและเรือนรับรองเท่านั้น ส่วนอาคารอื่น ๆ นั้นได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมต่อมาในภายหลัง ภายในพระตำหนักฯ มีสถานที่น่าชม ดังนี้ เรือนปีกไม้, พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์, เรือนรับรอง, พลับพลาผาหมอนและสวนเฟิร์น, อ่างเก็บน้ำ พระตำหนักต่าง ๆ และหอพระ โดยระหว่างเส้นทางเยี่ยมชมนั้นจะผ่านสวนกุหลาบเป็นระยะ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาได้ทรงพระราชทานนาม พระตำหนักองค์นี้ว่าภูพิงคราชนิเวศน์ โดยทรงเลือกจาก หนึ่งใน 2 ชื่อ คือ ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งพระศาสนโสภณนั้นเป็นผู้คิดชื่อถวาย คือ “พิงคัมพร” กับ “ภูพิงคราชนิเวศน์” พระตำหนักแห่งนี้
โดยใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานมาประทับแรม ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้ทรงงาน และเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือ อีกทั้งเพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับไทยในโอกาสต่าง ๆ การที่ทรงเลือกสร้างที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีอากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน ผู้คนพลเมืองยังดำรงรักษาจารีตขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามไว้
สถาปัตยกรรม พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ นั้นจะมีลักษณะเป็นแผนผังแบบเรือนไทยภาคกลางที่เรียกว่า “เรือนหมู่” โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นไทยประเพณีประยุกต์ ก่ออิฐถือปูน ยกพื้นสูงหลังคาทรงไทย ซึ่งภายในจะประกอบไปด้วยท้องพระโรง, ห้องเสวย, ห้องบรรทม และห้องสรง โดยที่ประทับสำหรับพระราชอาคันตุกะ โดยมีเฉลียงใหญ่ และพลับพลาหอนกเป็นที่ประทับทอดพระเนตรทัศนียภาพของเมืองเชียงใหม่ โดยที่ชั้นบนเป็นที่ประทับ และชั้นล่างเป็นที่อยู่ของมหาดเล็ก และคุณข้าหลวง
ซึ่งออกแบบแปลนโดยหม่อมเจ้าสมัยเฉลิม กฤดากร สถาปนิกพิเศษ กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบรูปด้านโดยหม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ เกษมศรี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ โดยให้สำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ดำเนินการก่อสร้างโดยมีหม่อมเจ้า สมัยเฉลิม กฤดากร นั้นเป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี และนายประดิษฐ์ ยุวพุกกะ จากกองสถาปัตยกรรม ที่กรมศิลปากรเป็นผู้ช่วย และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกหลวงกัมปนาท แสนยากร องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ในการวางศิลาฤกษ์พระตำหนักเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2504
โดยการก่อสร้างพระตำหนักใช้เวลา 5 เดือนก็แล้วเสร็จ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เป็นทั้งสถาปนิก และมัณฑนากรออกแบบ ทั้งตกแต่ง ภายในพระตำหนัก ทั้งในส่วนที่ประทับและส่วนที่ใช้รับรองพระราชอาคันตุกะทั้งหมด โดยออกแบบให้เป็นแบบไทยประยุกต์นั้นจะถูกดัดแปลงให้เหมาะสมกับการใช้แบบสากลมากขึ้น
โดยปกติแล้วจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน แต่ทั้งนี้จะงดการเข้าชมพระตำหนักฯ ระหว่างเสด็จแปรพระราชฐาน [ประมาณเดือนมกราคมถึงต้นเดือนมีนาคม)
สถานที่อื่น ๆ ภายในพระตำหนัก ได้แก่
- พระตำหนักพฤกษาวิสุทธิคุณ เป็นอาคาร 2 ชั้น น้นจะมีชั้นใต้ดิน ตั้งอยู่บนเนินเป็นสถาปัตยกรรมไทยภาคกลางผสมกับภาคเหนือเป็นที่ทรงประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ออกแบบโดยหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี
- พระตำหนักยูคาลิปตัส 1 ก่อสร้างตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงให้ทดลองนำเอาไม้ที่เจริญเติบโตไว เช่น ยูคาลิปตัสมาใช้ประโยชน์ ในการก่อสร้างที่พักอาศัยในรูปแบบ Log Cabin เพื่อทรงต้องการให้ลดการใช้ไม้สักในประเทศลง มีนายกิตติ คุปตะวินิจ เป็นสถาปนิกออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง โดยก่อสร้างพร้อมตกแต่งแล้วเสร็จต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2535
- เรือนปีกไม้ เป็นเรือนไม้ที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
- เรือนรับรอง เป็นอาคาร 2 ชั้น สถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ใช้เป็นที่พักของพระราชอาคันตุกะและข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ที่ตามเสด็จนอกจากนี้ยังใช้เป็นที่รับรองแขกในขณะรอเข้าเฝ้าหรือร่วมงานพระราชทานเลี้ยง
- พลับพลาผาหมอน เป็นพลับพลาที่ประทับทำด้วยไม้สักทองแบบกระท่อมของชาวนาใช้เป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถและเสวยพระกระยาหารในบางครั้ง
- น้ำพุทิพย์ธาราของปวงชน เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เก็บกักน้ำไว้ใช้ในพระตำหนัก ริมอ่างเก็บน้ำมีพลับพลาที่ประทับตั้งอยู่
- พระตำหนักยูคาลิปตัส 2 นั้นเป็นพระตำหนักแบบ Log Cabin โดยจะใช้ไม้ยูคาลิปตัสในการก่อสร้างอีกหลังหนึ่ง ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นั้นมีพระราชเสาวนีย์ให้สร้างขึ้น เพื่อพระราชทานแก่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับทรงใช้เป็นที่ประทับ โดยก่อสร้างนั้นเมื่อ พ.ศ. 2536 มีนายกิตติ คุปตะวินิจ นั้นเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบแปลนและควบคุมการก่อสร้าง
- สวนสุวรี เป็นสวนกุหลาบซึ่งตั้งตามชื่อของท่านผู้หญิงสุวรี เทพาคำนางสนองพระโอษฐ์
- หอพระ เป็นหอพระที่ตั้งอยู่สูงสุดสำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเพื่อทรงสักการะเมื่อเสด็จมาประทับแรม เป็นหอขนาดเล็กแบบไทยล้านนาประยุกต์
เว็ปไซต์ : https://www.bhubingpalace.com
โทร : 053223065
แฟกซ์ : 053225793
หมวดหมู่: ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก
กลุ่ม: พระราชวัง
ปรับปรุงล่าสุด : 7 เดือนที่แล้ว