หน้าหลัก > ภาคเหนือ > จ.เชียงใหม่ > ทำขนมไทยทำง่าย ขนมโบราณ ขนมหวานไทยมีอะไรบ้าง


เชียงใหม่

ทำขนมไทยทำง่าย ขนมโบราณ ขนมหวานไทยมีอะไรบ้าง

ทำขนมไทยทำง่าย ขนมโบราณ ขนมหวานไทยมีอะไรบ้าง

Share Facebook

Rating: 3.1/5 (20 votes)

ทำขนมไทยทำง่าย ขนมหวานไทยมีอะไรบ้าง ขนมไทย นั้นมีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทย คือ จะมีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน โดยมีสีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีที่ประณีตบรรจง
 
โดยในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่า งานทำบุญ งานแต่ง เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร โดยส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาสวยงาม และมีความประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
 
ขนมไทยดั้งเดิม ขนมโบราณ นั้นจะโดยส่วนมากจะมีส่วนผสมคือ แป้ง, กะทิ และน้ำตาล เท่านั้น ซึ่งขนมที่ใช้ไข่เป็นส่วนประกอบนั้นอาทิ เช่น ทองหยอด, ทองหยิบ และเม็ดขนุน ซึ่ง มารี กีมาร์ เดอ ปีนา (ท้าวทองกีบม้า) หญิงสาวชาวโปรตุเกส เป็นผู้นำสูตรมาจากโปรตุเกสมาเผยแพร่
 
ขนมไทยนั้นเป็นที่นิยมทำกันทุก ๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่าง ๆ ก็จะมี ขนมที่ทำจากไข่ และเชื่อกันว่าชื่อ และลักษณะของขนมนั้น ๆ เช่น รับประทานฝอยทอง โดยเพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน โดยการรับประทาน ขนมชั้นนั้นเมื่อทานมีความเชื่อว่าก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน การรับประทาน ขนมถ้วยฟูนั้นก็ขอให้เจริญ การรับประทานขนมทองนั้นเอก ก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น โดยมีความเชื่อมโยงกับประเพณีไทย และวัฒนธรรมของไทย
 
โดยในสมัยรัชกาลที่ 1 มีการพิมพ์ตำราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตำราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ตำราอาหารไทยเล่มแรกคือแม่ครัวหัวป่าก์ และต่อมาเมื่อการค้าเจริญขึ้นในตลาดมีขนมนานาชนิดมาขาย และนับว่าเป็นยุคที่ขนมไทยเป็นที่นิยม
 
การแบ่งประเภทของการทำขนมไทยโบราณ สามารถแบ่งตามวิธีการทำให้สุกได้ดังนี้
1. ขนมที่ทำให้สุกด้วยการกวน ส่วนมากใช้กระทะทอง โดยมีกรรมวิธีกวนตั้งแต่เป็นน้ำเหลวใสจนงวด แล้วเทใส่พิมพ์หรือถาดเมื่อเย็นจึงตัดเป็นชิ้น เช่น ขนมลืมกลืน, ขนมเปียกปูน, ตะโก้,  ขนมศิลาอ่อน และผลไม้กวนต่าง ๆ รวมถึงข้าวเหนียวแก้ว, ข้าวเหนียวแดง และกะละแม เป็นต้น
 
2. ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่ง บางชนิดเทส่วนผสมใส่ถ้วยตะไลแล้วนึ่ง บางชนิดใส่ถาดหรือพิมพ์ และบางชนิดจะห่อด้วยใบตอง หรือห่อด้วยใบมะพร้าว เช่น ขนมชั้น, ข้าวต้มผัดช่อม่วง, สาลี่อ่อน, สังขยา, ขนมกล้วย, ขนมใส่ไส้, ขนมเทียน, ขนมตาล, ขนมน้ำดอกไม้ และข้าวเกรียบปากหม้อ เป็นต้น
 
3. ขนมที่ทำให้สุกด้วยการเชื่อม นั้นจะเป็นการใส่ส่วนผสมลงในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือดจนสุก ได้แก่ กล้วยเชื่อม, ฝอยทอง, เม็ดขนุน, ทองหยอด, ทองหยิบ และจาวตาลเชื่อม เป็นต้น
 
4. ขนมที่ทำให้สุกด้วยการทอด จะเป็นการใส่ส่วนผสมลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อน ๆ จนทำให้สุก เช่น ขนมกง, ขนมค้างคาว, กล้วยทอด, ข้าวเม่าทอด, ขนมฝักบัว และขนมนางเล็ด เป็นต้น
 
5. ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่ง หรืออบ ได้แก่ ขนมหม้อแกง, ขนมกลีบลำดวน, ขนมหน้านวล, สาลี่แข็ง และขนมทองม้วน เป็นต้น นอกจากนี้ อาจรวม ขนมเบื้อง, ขนมครก และขนมดอกลำเจียก ที่ใช้ความร้อนบนเตาไว้ในกลุ่มนี้ด้วย
 
6. ขนมที่ทำให้สุกด้วยการต้ม โดยขนมประเภทนี้จะใช้หม้อ หรือกระทะต้มน้ำให้เดือด จะใส่ขนมลงไปจนสุกแล้วตักขึ้น และนำมาคลุก หรือโรยมะพร้าว ได้แก่ ขนมเหนียว, ขนมถั่วแปบ, ขนมเรไร และขนมต้ม เป็นต้นนอกจากนี้ยังรวมขนมประเภทน้ำ ที่นิยมนำมาต้มกับกะทิ หรือใส่แป้งผสมเป็นขนมเปียก และขนมที่กินกับน้ำเชื่อม และน้ำกะทิ เช่น มันแกงบวด, กล้วยบวชชี, สาคูเปียก, ซ่าหริ่ม และลอดช่อง เป็นต้น
 
วัตถุดิบในการปรุงขนมไทย ขนมไทยส่วนใหญ่นั้จะทำมาจากข้าว และจะใช้ส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น ภาชนะ, สี และกลิ่นหอมจากธรรมชาติ ข้าวที่ใช้ในขนมไทยมีทั้งใช้ในรูปข้าวทั้งเม็ด และข้าวที่อยู่ในรูปแป้ง นอกจากนั้นยังมีวัตถุดิบอื่น ๆ เช่น ไข่, น้ำตาล และมะพร้าว ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
1. ข้าว และแป้ง โดยการนำข้าวมาทำขนมของคนไทยเริ่มตั้งแต่ข้าวไม่แก่จัด จะเป็นข้าวอ่อนที่เป็นน้ำนม นำมาทำข้าวยาคู พอแก่ขึ้นอีกแต่เปลือกยังเป็นสีเขียวนำมาทำข้าวเม่า ข้าวเม่าที่ได้นำไปทำขนมได้อีกหลายชนิด เช่น ข้าวเม่าบด, ข้าวเม่าคลุก, ข้าวเม่าหมี่, กระยาสารท ส่วนข้าวเจ้าที่เหลือจากการรับประทาน และที่นำไปทำเป็นแป้ง เช่น แป้งข้าวเหนียว, แป้งข้าวเจ้า นอกจากนั้นยังใช้แป้งมันสำปะหลังด้วย ส่วนแป้งสาลีมีใช้น้อย มักใช้ในขนมที่ได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ
 
2. มะพร้าว และกะทิ โดยมะพร้าวนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของขนมไทยได้ตั้งแต่มะพร้าวอ่อนจนถึงมะพร้าวแก่ดังนี้
- มะพร้าวอ่อน ใช้เนื้อผสมในขนม เช่น วุ้นมะพร้าว, เปียกสาคู และสังขยามะพร้าวอ่อน เป็นต้น
 
- มะพร้าวทึนทึก จะใช้วิธีขูดฝอยทำเป็นไส้กระฉีก โดยใช้คลุกกับข้าวต้มมัดเป็นข้าวต้มหัวหงอก และใช้เป็นมะพร้าวขูดโรยหน้าขนมหลายชนิด อาทิ เช่น ขนมขี้หนู, ขนมเปียกปูน โดยถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของขนมไทย
 
- มะพร้าวแก่ นำมาคั้นเป็นกะทิก่อนใส่ในขนม นำไปทำขนมได้หลายแบบ เช่น ต้มผสมกับส่วนผสม เช่นกล้วยบวชชี แกงบวดต่าง ๆ หรือตักหัวกะทิราดบนขนม เช่น ซ่าหริ่ม, สาคูเปียก หรือบัวลอย เป็นต้น
 
3. น้ำตาล โดยแต่เดิมนั้นน้ำตาลที่นำมาใช้ทำขนมคือ น้ำตาลจากตาล หรือมะพร้าว โดยในบางท้องที่ใช้น้ำตาลอ้อย น้ำตาลทรายถูกนำมาใช้ภายหลัง
 
4. ไข่ เริ่มเป็นส่วนผสมของขนมไทยตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งได้รับอิทธิพลจากขนมของโปรตุเกส โดยไข่ที่ใช้ทำขนมนี้จะตีให้ขึ้นฟู ก่อนนำไปผสม ขนมบางชนิด เช่น ทองหยอด, ทองหยิบ และฝอยทอง เป็นต้น โดยต้องแยกไข่ขาว และไข่แดงออกจากกัน โดยใช้แต่ไข่แดงไปทำขนม 
 
5. ถั่ว และงา เป็นส่วนผสมที่สำคัญในขนมไทย การใช้ถั่วเขียวนึ่งละเอียดมาทำขนมพบได้ตั้งแต่สมัยอยุธยา เช่น ขนมพิมพ์ถั่วทำด้วยถั่วเหลืองหรือถั่วเขียวกวนมาอัดใส่พิมพ์ ถั่ว และงาที่นิยมใช้ในขนมไทยมีดังนี้
- ถั่วเขียวเลาะเปลือก มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น ถั่วซีก, ถั่วทอง และถั่วเขียวที่ใช้ต้องล้างและแช่น้ำค้างคืนก่อนจากนั้นจะเอาไปนึ่ง
 
- ถั่วดำ ใช้ใส่ในขนมไทยไม่กี่ชนิด และใส่ทั้งเม็ด เช่น ข้าวต้มมัด, ถั่วดำต้มน้ำตาล, ข้าวหลาม และขนมถั่วดำ เป็นต้น
 
- ถั่วลิสง ใช้น้อย ส่วนใหญ่ใช้โรยหน้าขนมผักกาดกวน ใส่ในขนมจ่ามงกุฎ ใส่ในรูปที่คั่วสุกแล้ว
 
- งาขาวและงาดำ ใส่เป็นส่วนผสมสำคัญในขนมบางชนิดเช่น ขนมเทียนสลัดงา ขนมแดกงา
 
4. กล้วย โดยจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขนมไทยหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ขนมกล้วย, กล้วยเชื่อม, กล้วยกวน, กล้วยแขกทอด หรือใช้กล้วยเป็นไส้ เช่น ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย, ข้าวต้มมัด และข้าวเม่า โดยกล้วยที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นกล้วยน้ำว้า กล้วยแต่ละชนิดเมื่อนำมาทำขนมบางครั้งจะให้สีต่างกัน เช่น กล้วยไข่ให้สีเหลือง แต่กล้วยน้ำว้าเมื่อนำไปเชื่อมให้สีแดง เป็นต้น
 
5. สี ที่ได้จากธรรมชาติและใช้ในขนมไทย มีดังนี้
- สีเขียว นั้นจะได้จากใบเตยโขลกละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ
 
- สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน เด็ดกลีบดอกอัญชันแช่ในน้ำเดือด ถ้าบีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยจะได้สีม่วง
 
- สีเหลืองจากขมิ้นหรือหญ้าฝรั่น หรือก้านดอกกรรณิการ์
 
- สีแดงจากครั่ง
 
- สีดำจากกาบมะพร้าวเผาไฟ นำมาโขลกผสมน้ำแล้วกรอง
 
6. กลิ่นหอม ที่ใช้ในขนมไทยได้แก่
- กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ดอกมะลิที่เก็บในตอนเช้า แช่ลงในน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วให้ก้านจุ่มอยู่ในน้ำ จากนั้นปิดฝาทิ้งไว้ 1 คืน รุ่งขึ้นจึงกรอง นำนำไปใช้ทำขนม
 
- กลิ่นดอกกระดังงา นิยมใช้อบขนมแห้ง โดยเด็ดกลีบกระดังงามาลนเทียนอบให้หอม จากนั้นใส่ขวดโหลที่ใส่ขนมไว้ ปิดฝาให้สนิท
 
- กลิ่นเทียนอบ จุดไฟที่ปลายเทียนอบทั้งสองข้างให้ลุกสักครู่หนึ่งแล้วดับไฟ โดยจะวางลงในถ้วยตะไล ใส่ในขวดโหลที่ใส่ขนม ปิดผาให้สนิท กลิ่นใบเตย หั่นใบเตยที่ล้างสะอาดเป็นท่อนยาว จากนั้นใส่ลงไปในขนม
 
ขนมชาววัง ขนมโบราณ ที่มีความประณีต และวิธีการทำที่ละเอียดมาก ใช้ความละเมียดละไม ประดิดประดอยอยู่หลายขั้นตอน คนสมัยก่อนนิยมส่งลูกหลานที่เป็นผู้หญิงเข้าไปในวัง เพื่อถวายตัวรับใช้เจ้านายในวังตามตำหนักต่าง ๆ ก็เพื่อฝึกฝนงานฝีมือด้านต่าง ๆ เช่น งานเย็บปักถักร้อย จัดดอกไม้ ทำอาหาร หากค้นคว้าตามตำราเก่า ๆ มักจะพูดถึงขนมในวังแท้ ๆ อยู่ไม่กี่อย่าง และแต่ละอย่างต้องใช้ความละเอียดประณีต พิถีพิถันทุกขั้นตอนการทำ เส้นทางขนมชาววัง ส่วนจะมีขนมชาววังอะไรบ้างที่น่าสนใจ ได้แก่
 
บุหลันดั้นเมฆ ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ
 
1. บุหลันดั้นเมฆ ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ เป็นขนมหวานไทยชาววังที่เลื่องชื่ออีกชนิดหนึ่ง ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากบทเพลง “บุหลันลอยเลื่อน” หรืออีกชื่คือ “บุหลันลอยฟ้า” ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ซึ่งมีความเป็นมาว่า หลังจากทรงซอสายฟ้าฟาดอยู่จนดึก ก็เสด็จเข้าบรรทม ทรงพระสุบินว่า เสด็จฯ ไปสถานที่สวยงามแห่งหนึ่ง
 
ซึ่งพระจันทร์เต็มดวงค่อย ๆ ลอยเลื่อนเข้ามาใกล้ ส่องแสงไปทั่ว อีกทั้งพร้อมมีเสียงทิพยดุริยางค์กังวาน พระองค์ทรงตั้งพระทัยสดับเสียงดนตรีอันไพเราะอยู่เป็นเวลานาน หลังจากนั้นดวงจันทร์ก็ค่อย ๆ ลอยเคลื่อนห่างออกไปในท้องฟ้า พร้อมเสียงดนตรีก็ค่อยๆเบาจางห่างหายไป พลันเสด็จตื่นบรรทม ในสำเนียงดนตรีในพระสุบินยังแว่วกังวานพระโสตอยู่ จึงโปรดให้ตามมหาดเล็กเจ้าพนักงานการดนตรี เข้ามาต่อเพลงในยามราตรีนั้น และพระราชทานนามเพลงว่า “บุหลันลอยเลื่อน”
 
บุหลันดั้นเมฆ ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ โดยตัวขนมที่ทำจากไข่แดงสื่อถึงดวงจันทร์ในเวลากลางคืน และส่วนสีฟ้าของตัวขนมก็เปรียบเหมือนสีของก้อนเมฆยามค่ำคืน นอกจากนั้น ขนมบุหลันดั้นเมฆยังใช้เสี่ยงทายเรื่องหน้าที่การงาน โดยมักจะทำนายจากการหยอดส่วนของไข่แดง หรือดวงบุหรัน ถ้าออกมากลมสวยงาม อาจได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง แต่ถ้าบิดเบี้ยวไม่สวยหมายถึงต่อไปหน้าที่การงานจะไม่ดี
 
ขนมพระพาย ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ
 
2. ขนมพระพาย ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ ขนมพระพายเป็นขนมที่นิยมใช้ในพิธีแต่งงานโดยเฉพาะภาคกลางของประเทศไทย โดยแป้งข้าวเหนียวที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกนั้นจะสื่อถึงความเหนียวแน่นมั่นคง ส่วนตัวไส้ที่มีรสชาติหวานสื่อถึงความรักอันแสนหวานของคู่แต่งงาน โดยทั่วไปแล้วขนมพระพายจะมีหลากหลายสีสัน สูตรนี้ทำเป็นสีฟ้าจากน้ำดอกอัญชัน หรือสีเขียวจากใบเตย เป็นขนมชาววังที่หารับประทานยาก
 
ขนมทองเอก ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ
 
3. ขนมทองเอก ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ เป็นขนมที่ดัดแปลงมาจากขนมของ ชาวตะวันตก เป็นขนมชาววัง มีส่วนผสมของไข่แดง, กะทิ, แป้งสาลี และน้ำตาลทรายทองเอกจัดเป็นขนมที่ใช้ในงาน มงคลต่าง ๆ เนื่องจากเนื้อขนมมีสีเหลืองทองและ มีชื่อเป็นมงคล ความหมาย เป็น ขนม ในตระกูล ทอง อีกชนิดหนึ่งที่ต้องใช้ความ ซึ่งมีความพิถีพิถัน เป็นอย่างยิ่งในทุกขั้นตอนการทำมีลักษณะที่สง่างาม
 
ขนมชั้น ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ
 
4. ขนมชั้น ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ มีรสชาติหวานละมุนลิ้น และมีกลิ่นหอมใบเตย เป็นขนมชาววังจัดเป็นขนมมงคลที่นิยมใช้ตามงานมงคลต่าง ๆ คนโบราณมีความเชื่อว่า หากสามารถทำได้ถึง 9 ชั้น ก็จะทำให้มีสิริมงคลก้าวหน้า และเจริญรุ่งเรืองในตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าภาพผู้จัดงาน หรืองานมงคลสมรสบ่าวสาว ปัจจุบันมีการนำมาดัดแปลงประดิษฐ์เป็นช่อดอกกุหลาบ หรือช่อดอกไม้ต่าง ๆ ตามสมัยนิยมและมีความสวยงามไม่แพ้ขนมชนิดอื่นเลย
 
ขนมชั้น ขนมหวานสีสันสวยงาม เนื้อขนมจะทั้งเหนียวนุ่ม เป็นขนมไทยเคี้ยวเพลินอีกชนิดสำหรั โดยสีสันสวยงามของขนมชั้นที่เห็นนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะอันตรายต่อร่างกาย เพราะว่าเป็นสีที่ได้มาจากธรรมชาติ คือ ใบเตย และอัญชันนั่นเอง ส่วนสีชมพูนั้นได้มาจากสีผสมอาหาร เราจะพบขนมชั้นได้ในประเทศต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศไทย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย 
 
อินทนิล ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ
 
5. อินทนิล ขนมไทยชาววัง ขนมโบราณ เป็นขนมชาววังที่ทำจากแป้งผสมกับความหอมที่ได้จากน้ำใบเตย และนำไปกวนจนเหนียว และปั้นเป็นก้อน พร้อมกับนำมาทานคู่กับน้ำกะทิที่เพิ่มความหอมจากการอบควันเทียน ก่อนจะตบท้ายด้วยน้ำแข็งที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้เย็นสดชื่น เมื่อทานจะให้รสชาติเหนียวนุ่ม หวานตัดเค็มแบบลงตัว และความหอมจากใบเตยกับกะทิอบควันเทียนในปัจจุบันอาจจะหาทานได้ยากสักหน่อย แต่รับรองว่าเป็นอีกหนึ่งขนมชาววังที่ห้ามพลาดเพราะมีรสชาติละมุนกลมกล่อมให้ความสดชื่นแน่นอน
 
ขนมหม้อตาล วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
6. ขนมหม้อตาล วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เชื่อกันว่าขนมหม้อตาลเป็นอีกหนึ่งขนมชาววังที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อ เพราะในสมัยนี้หาทานได้ยากมาก เนื่องด้วยวิธีการทำที่มีขั้นตอนเยอะ สลับซับซ้อนจึงหาคนทำได้ยาก และในสมัยก่อนขนมหม้อตาลนิยมใช้ในพิธีงานแต่งจึงมีอีกชื่อเรียกว่าขนมหม้อเงิน หม้อทอง ด้วยลักษณะของขนมหม้อตาลที่คล้ายกับหม้อดินเผาขนาดเล็ก ส่วนด้านในจะมีสีสันต่าง ๆ ที่ได้จากน้ำตาลเคี่ยว โดยรสชาติของขนมหม้อตาลจะมีความกรอบตัดกับความหวานกำลังดี เรียกได้ว่าเป็นขนมชาววังหายากที่น่ารับประทานมาก
 
ขนมเสน่ห์จันทร์ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
7. ขนมเสน่ห์จันทร์ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ด้วยความหมายของขนมชนิดนี้นั้น จะทำให้เป็นคนมีเสน่ห์ มีแต่คนนิยมรักใคร่ รูปทรงคล้ายผลของลูกจันทน์ ซึ่งก็มีส่วนผสมของผงลูกจันทน์อยู่ในแป้งขนมด้วยนั่นเอง โดยรสชาติของขนมจะหวานแต่จะไม่มาก หอมละมุนคล้ายกลิ่นผลจันทน์ผสมกับกลิ่นอบควันเทียน และมีความนุ่ม ๆ อีกหนึ่งขนมไทยมงคลที่พบได้บ่อยไม่ต่างจากทอกเอก นั่นคือ เสน่ห์จันทร์ ที่มาในรูปทรงสีเหลืองอร่ามเป็นก้อนกลมคล้ายกับลูกจันทร์ผลไม้พื้นบ้านที่มีผลสุกสีเหลือง มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน โดยในสมัยก่อนคนโบราณจึงนำผลจันทร์มาประยุกต์กลายเป็นขนมมงคล ส่วนด้านบนจะมีก้อนกลมเล็ก ๆ สีน้ำตาลจากน้ำตาลปี๊บที่ถูกเอาไปอบควันเทียนจนหอม ร์ถือเป็น 1 ใน 9 ขนมมงคลที่มีความหมายว่าเป็นคำที่มีสิริมงคล จะทำให้มีเสน่ห์มีคนมาหลงรัก จึงนิยมนำมาใช้ในพิธีแต่งงาน
 
ขนมโค วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
8. ขนมโค วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมโค ขนมชาววัง ขนมพื้นเมืองภาคใต้อาจจะหาอร่อย ๆ อาจจะหารับประทานยากไปหน่อย โดยตัวแป้งทำเป็นสีธรรมชาติหรือใส่สีตามชอบก็ได้ ใส่ไส้น้ำตาลมะพร้าว คลุกมะพร้าวขูดเพิ่มความอร่อย
 
ขนมช่อม่วง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
9. ขนมช่อม่วง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมที่สมัยนี้หากินยาก ถ้ามีขายก็ราคาแพง ถ้าใครมีเวลาว่างอยากชวนมาทำกินกันเอง มีทั้งสูตรส่วนผสมแป้ง และไส้หมู มีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยผู้ทำจะต้องใช้ความประณีต และพิถีพิถัน เป็นความยากในการจับจีบแป้งช่อม่วงเป็นรูปทรงดอกไม้ โดยเอกลักษณ์ของช่อม่วงมีการใช้น้ำอัญชันเป็นสีจากธรรมชาติ และไส้ขนมจะมีการใช้รากผักชี กระเทียม และพริกไทย ซึ่งถือเป็นเครื่องปรุงหลักในอาหารไทยที่เรียกว่า สามเกลอ เป็นการใช้สัดส่วนการใช้โดยทั่วไปจะใช้ในปริมาณเท่า ๆ กันนำมาโขลกรวมกันก่อนใช้ปรุงอาหารหรือขนม การทำช่อม่วงจึงเป็นการใช้ศิลปะบวกฝีมือทางอาหารร่วมกัน
 
ขนมดอกจอก วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
10. ขนมดอกจอก วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมดอกจอกนั้นเป็นขนมไทยที่มีมาแต่โบราณที่มีรสชาติ กรุบ ๆ กรอบ ๆ หอมหวาน รสชาติมันอร่อย แต่เด็กสมัยปัจจุบันมักจะไม่ค่อยรู้จักกันแล้ว เพราะนับวันจะหาคนทำขนมดอกจอกขายก็ยากเต็มที แต่ไม่ใช่ว่าปัจจุบันจะไม่มีคนทานขนมดอกจอก ยังมีคนทำ และคนชอบรับประทานอยู่เรื่อย ๆ ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สังเกตธรรมชาติของพืช­น้ำ และพวกจอก แหน โดยนำมาสร้างสรรค์เป็นรูปทรงขนมขึ้นมา หรืออีกนัยก็คือ ขนมดอกจอกเป็นขนมที่มีรูปทรงคล้ายดอกจอกที่มีเเหล่งกำเนิดอยู่ในน้ำ ในสมัยก่อนเป็นที่นิยมมาก เป็นหนึ่งในขนมที่จัดขึ้นในงาน เเละพิธีการสำคัญต่าง ๆ เช่น งานเเต่งงาน, งานบวช และงานขึ่นบ้านใหม่ เป็นต้น โดยความนิยมไม่เเพ้ขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด หรือฝอยทองที่เป็นที่นิยมทั่งในอดีต และปัจจุบัน ซึ่งที่มาน่าจะมาจากขนมชาววัง
 
ขนมช่อผกากรอง วิธีทำขนมไทยชาววังสมัยใหม่ สูตรขนมโบราณ
 
11. ขนมช่อผกากรอง วิธีทำขนมไทยชาววังสมัยใหม่ สูตรขนมโบราณ ขนมไทยโบราณชื่องามอย่างขนมช่อผกากรอง หรือขนมช่อแก้ว เป็นขนมไทยสมัยใหม่ ส่วนผสมคล้ายอาลัวสด คือ แป้งสาลีชนิดเบา, น้ำตาล และกะทิอบควันเทียน ที่ปรับปรุงจากสูตรขนมช่อแก้ว ขนมชาววัง
 
ขนมไข่เหี้ย หรือไข่หงส์ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
12. ขนมไข่เหี้ย หรือไข่หงส์ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ปัจจุบันมีการเปลี่ยนชื่อให้ดูน่าทานมากขึ้น ขนมไข่เหี้ยเป็นขนมที่มีมายาวนานว่ากันว่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เนื่องจากรัชกาลที่ 1 มีพระราชประสงค์จะเสวยไข่เหี้ย แต่เนื่องจากไม่ใช่ฤดูวางไข่จึงมีคนคิดทำขนมไข่เหี้ยถวาย เป็นขนมชาววัง โบราณ
 
ขนมลูกชุบ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
13. ขนมลูกชุบ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมชาววังขนานแท้อย่าง ที่ในปัจจุบันยังเป็นขนมที่ยังได้รับความนิยม หาทานง่าย มีรสชาติอร่อยถูกปาก และมีหน้าตาที่น่ารับประทาน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงของขนมบ้างตามความสร้างสรรค์ของคนทำเพื่อให้ดูตามยุคสมัย และช่วยดึงดูดให้คนอยากรับประทานมากขึ้น แต่เชื่อว่าขนมลูกชุบก็ยังมีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์อยู่ทุกสมัยแน่นอน ขนมลูกชุบ เป็นขนมชาววังสมัยก่อน ขนมไทยโบราณสัญชาติโปตุเกส เข้ามาเผยแพร่ในไทยสมัยพระนารายณ์ มีส่วนผสมหลัก คือ อัลมอนด์ แต่ในยุคนั้น แต่เพื่อให้เข้ากับประเทศไทยให้หาวัตถุดิบได้ง่ายขึ้นจึงปรับมาเป็นถั่วเขียวแทน
 
มะกรูดลอยแก้ว วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
14. มะกรูดลอยแก้ว วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมหวานไทยแท้ ขนมชาววังโดยการนำมะกรูด ที่เป็นพืชผักสมุนไพรไทยที่หลายคนคงไม่คิดว่าจะนำมาทำเป็นขนมหวานได้ จับมาลอยแก้วให้กลายเป็นขนมหวานแบบไทย ๆ แถมยังอร่อย และน่ากินจนไม่น่าเชื่อ
 
ส้มฉุนลอยแก้ว วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
15. ส้มฉุนลอยแก้ว วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ สัมผัสความเย็นจากน้ำแข็งที่นำเข้ามาจากสิงคโปร์ราวสมัยรัชกาลที่ 4 ของว่างชนิดลอยแก้วอย่าง ส้มฉุน ที่รวมความสดชื่นของผลไม้ฤดูร้อน และหอมเย็นจากผลส้มซ่า ซึ่งเป็นกลิ่นรสจากธรรมชาติที่ช่วยคลายร้อนได้ตามยุคสมัย ส้มฉุน คือของกินชนิดหนึ่ง ใช้มะม่วงดิบ มะยมดิบ ยำกับกุ้งแห้ง ใส่น้ำปลา น้ำตาล บางทีก็นำไปตากแดด จะเรียกว่า ส้มลิ้ม
 
ขนมกลีบลำดวน วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
16. ขนมกลีบลำดวน วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมไทยอีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง คือรูปทรงที่คล้ายกับกลีบของดอกลำดวน และที่สำคัญรสชาติที่หวานหอมเทียนอบเป็นอย่างมาก จึงถูกปากคนทุกยุคสมัย  โดยคนโบราณมีความเชื่อว่าดอกลำดวนเป็นดอกไม้ที่มีเสน่ห์ยามค่ำคืน และจะส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจเฉพาะตัวเปรียบกับความหมายของขนมกลีบลำดวน ที่ช่วยทำให้มีชื่อเสียงขจรขจายและยังมีสร้างความงดงามให้กับคู่ชีวิต จึงนิยมใช้ในงานมงคล
 
ขนมกระเช้าสีดา วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
17. ขนมกระเช้าสีดา วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมชาววังชนิดนี้มีที่มาจากต้นกระเช้าสีดาในวรรณคดีรามเกียรติ์  มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว โดยตัวขนมจะทำมาจากแป้งสวยงามรูปทรงคล้ายกับกระเช้า และส่วนที่เป็นไส้ขนม ขนมกระเช้าสีดาเป็นขนมที่หารับประทานได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องใช้ความประณีตและละเอียดอ่อนในการทำขนม โดยหากคนทำไม่มีฝืมือจริง ๆ กระเช้าอาจจะเบี้ยวไม่สวยงามได้
 
ขนมสัมปันนี วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
18. ขนมสัมปันนี วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมชาววังชนิดนี้มีการบันทึกว่ามาจากท้าวทองกีบม้า หรือท่านผู้หญิงของฟอลคอน เวลานั้นท่านได้รับเกียรติเป็นต้นห้องเครื่องหวานของพระเจ้าแผ่นดิน และสอนชาวสยามจึงได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส ขนมชาววัง ที่มีประวัติมาช้านานตั้งแต่รัชสมัยของพระนารายณ์ รูปร่างคล้ายดอกไม้มีสีสันสวยงาม ปัจจุบันมีสัมปันนี 2 สูตรคือสูตรกรอบอร่อย และสูตรนุ่มละมุนลิ้นแบบไม่ต้องอบ ถือเป็นขนมหวานของไทยที่มีรสชาติหอมหวานของกะทิ และน้ำตาล เวลาทานจะรู้สึกเหมือนละลายในปาก ท่านใดชอบความหอมของควันเทียน ก็สามารถอบควันเทียนได้เช่นกัน นอกจากจะได้ความภูมิใจที่ได้ทำขนมไทยหอมอร่อยไว้ทานเองแล้ว เรายังได้ความสนุกสนาน และความคิดสร้างสรรค์จากการได้ผสมสี และพิมพ์ขนมเป็นรูปแบบต่าง ๆ อีกด้วย
 
ขนมลืมกลืน วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
19. ขนมลืมกลืน วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งถั่วเขียวหรือแป้งสลิ่ม ผสมน้ำลอยดอกไม้และน้ำตาล โดยจากนั้นนำไปกวนจนใส หยอดหน้าด้วยกะทิ ซึ่งทำให้ได้รสชาติที่หวานหอม มัน ๆ เค็ม ๆ โดยเข้ากันได้เป็นอย่างดี ขนมไทยเนื้อสัมผัสนุ่มลื่น เมื่อรับประทานจะลื่นลงคอจนเป็นที่มาของชื่อขนม เนื้อสัมผัสนุ่มลื่น รับประทานพร้อมกับหน้ากะทิข้นมัน ตกแต่งด้วยด้วยถั่วเขียวเลาะเปลือก
 
ขนมน้ำดอกไม้ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
20. ขนมน้ำดอกไม้ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมน้ำดอกไม้นั้นมีชื่อเรื่องอีกอย่างว่า ขนมชักหน้า โดยขนมชนิดนี้จะหวานหอมน้ำลอยดอกมะลิ บอกเลยว่าจะต้องหลงเสน่ห์ขนมไทยอย่างแน่นอน มีสีสันสดใสน่าตาน่าทานหวานฉ่ำรับทุกเทศกาล และเนื้อสัมผัสจะหนุบหนับ เหนียวนุ่ม รสชาติหวานกำลังดี
 
ขนมน้ำดอกไม้ ขนมชาววัง เป็นขนมไทยโบราณ แป้งนุ่ม ขึ้นมันเงา ขนมมีสีอ่อน ๆ มีอีกชื่อเรียกว่า ขนมชักหน้า เพราะหน้าตาของขนมที่มีหน้าบุ๋ม จุดเด่นของขนมตัวนี้ อยู่ที่ความหอมซึ่งมาจากน้ำลอยดอกไม้ หรือน้ำลอยดอกมะลิ ในการทำน้ำลอยดอกมะลิ ดอกมะลิที่ใช้ต้องปลูกเอง ไม่มียาฆ่าแมลง เก็บดอกมะลิตอนเย็น ๆ โดยเด็ดส่วนที่เป็นกลีบเลี้ยงออก จากนั้นลอยลงในภาชนะที่ใส่น้ำต้มสุก ปิดฝาให้สนิท เช้ารุ่งขึ้น ก็นำมะลิออก ก็จะได้น้ำลอยดอกมะลิกลิ่นหอม
 
ขนมเบื้อง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
21. ขนมเบื้อง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมชาววังที่ในสมัยนี้ยังได้รับความนิยม และหาทานได้ง่าย โดยในสมัยก่อนความท้าทายของขนมเบื้อง คือ การละเลงแป้ง เพราะถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ขนมเบื้องออกมาหน้าตาน่ารับประทาน และสวยงาม โดยขนมเบื้องมีทั้งไส้หวาน และไส้เค็ม โดยทั่วไปมี 2 หน้าคือ หน้ากุ้ง และหน้าหวาน ขนมเบื้องหน้าหน้ากุ้งใช้กุ้งแม่น้ำตัวโตสับละเอียดผสมกับพริกไทยและผักชีตำพร้อมมันกุ้ง นำไปผัดใส่น้ำตาล น้ำปลาหรือเกลือให้หอม โดยปัจจุบันมักเป็นหน้ามะพร้าวใส่สีแดง ส่วนหน้าหวานมีส่วนผสมของฟักเชื่อม ฝอยทองและพลับแห้งที่หั่นบาง ๆ ปัจจุบันมีแต่ฝอยทองกับครีม อย่างไรก็ตามในวังสวนสุนันทา มีหน้าหมูอีกอย่างหนึ่ง ใช้หมูสับคลุกคล้ากับกระเทียม พริกไทย รากผักชีโขลก ใส่พริกขี้หนู นำไปรวนพอสุก
 
ขนมทองหยิบ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
22. ขนมทองหยิบ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมโปรตุเกสที่เผยแพร่ในประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยท้าวทองกีบม้า จนเป็นที่แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน ขนมชาววังทำจากไข่แดงตีให้จนฟู ก่อนนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือดเพื่อทำให้สุก เมื่อสุกแล้วจึงนำมาจับจีบ ใส่ถ้วยตะไล ปัจจุบัน มักใช้เป็นของหวานในงานมงคลต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส, งานขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ
 
ขนมทองหยอด วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
23. ขนมทองหยอด วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ทองหยอดเป็นขนมโบราณชนิดหนึ่งซึ่งท่านผู้หญิง วิชเยนทร์ หรือนามเดิม มารี นินยา เดอ กีย์มาร์ เชื้อสายญี่ปุ่น โปรตุเกส ภรรยาเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (นามเดิมคอนสแตน ติน ฟอลคอลชาวกรีก) ท่านผู้หญิงวิชเยนทร์ นั้นมีตำแหน่งเป็นท้าวทองกีบม้า ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้ปรุงอาหารหลวงโดยท่านได้นำเอา ความรู้ที่มีมาแต่เดิมผสมผสานกับความรู้ท้องถิ่น โดยปรุงแต่งอาหารขึ้นใหม่ จนเป็นที่รู้จัก คือ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองนับเป็นขนมชั้นดี ใช้ในงาน มงคลต่าง ๆ ซึ่งคนไทยเรายังถือเคล็ดกันอยู่จึงใช้ ขนมที่ขึ้นต้นด้วยทอง เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลตามชื่อขนม
 
ขนมฝอยทอง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
24. ขนมฝอยทอง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมโปรตุเกส โดยลักษณะเป็นเส้นฝอยสีทอง ทำจากไข่แดงของไข่เป็ด ซึ่งเคี่ยวในน้ำเดือดและน้ำตาลทราย ชาวโปรตุเกสใช้รับประทานกับขนมปัง กับอาหารมื้อหลักจำพวกเนื้อสัตว์ และใช้รับประทานกับขนมเค้ก โดยมีกำเนิดจากเมืองอาไวรู (Aveiro) เมืองชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโปรตุเกส เข้ามาในประเทศไทย พร้อมกับทองหยิบและทองหยอด ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมีการประยุกต์มาจากพระราชวัง โดยมารีอา กียูมาร์ ดึ ปีญา (ท้าวทองกีบม้า, พ.ศ. 2202 - พ.ศ. 2265) โดยลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) โดยท้าวทองกีบม้านั้นจะมีหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้น ซึ่งเป็นผู้ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตที่มาจากฝรั่งเศสที่มาเยือนกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น จึงถือได้ว่าเป็นขนมชาววัง
 
ขนมเปียกปูนกะทิสด วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
25. ขนมเปียกปูนกะทิสด วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ดั้งเดิมจะมีสีดำจากกาบมะพร้าวเผา แต่เพื่อความสะดวก สูตรนี้ปรับเป็นสีเขียวโดยใช้น้ำใบเตย เสิร์ฟรับประทานกับน้ำกะทิข้น ๆ และงาคั่ว ในรูปแบบร่วมสมัย ถือเป็นการประยุกต์สตูรมาจากขนมชาววัง
 
ขนมหยกมณี วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
26. ขนมหยกมณี วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมชาววังที่เด็กรุ่นใหม่น้อยคนที่จะเคยเห็น หรือเคยได้ยิน ขนมไทยมักมีส่วนประกอบของใบเตย เม็ดสาคู และน้ำตาล ความหวาน และหอมกลิ่นใบเตยจึงเป็นเอกลักษณ์ของขนมไทย ขนมหยกมณี เป็นขนมที่มีลักษณะเป็นสีเขียวใสๆ จากเม็ดสาคูที่กวนสุก นำตัวขนมสีเขียวมาคลุกกับมะพร้าวขูด หยิบกินได้พอดีคำ และด้วยความเขียวเหมือนหยก เลยมีชื่อว่าหยกมณี จัดว่าเป็นขนมที่มงคลอีกชนิดของไทยนั่นเองและจะต้องมีในงานหรือพิธีมงคลต่าง ๆ เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งขนมชนิดนี้นั้นทำมาจากเม็ดสาคูกับแป้งที่ผสมกับน้ำใบเตยที่มีความหอม และมีสีเขียวเหมือนกับหยกไม่มีผิดเลยอีกด้วย อีกทั้งยังมีเนื้อที่นุ่มหนึบหวานพอ และมีรสชาติที่เค็มนิดๆจากเกลือ และนำมาทานคู่กับกะทิหรือจะเป็นมะพร้าวขูดก็อร่อยมากเช่นกัน
 
ขนมเรไรหน้าปู หรือรังไร วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
27. ขนมเรไรหน้าปู หรือรังไร วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เรไรหน้าปู ของว่างแบบคาวขนมชาววังในสมัยก่อนแปลงสูตรมาจากเรไรแบบหวาน มีรสชาติเข้มข้น หอมเนื้อปูมาก ๆ ทานกับเส้นไรเรนุ่ม ๆ หอมอร่อย ขนมไทยที่ถูกกล่าวไว้ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน โดยตัวแป้งมีสีสวยงาม และมีรูปทรงที่เหมือนรังของตัวเรไร รับประทานกับมะพร้าว กะทิหยอดหน้า และน้ำตาลผสมงาคั่ว นับเป็นขนมชาววังที่หารับประทานได้ยากมาก
 
ขนมหันตรา วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
28. ขนมหันตรา วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมโบราณ ขนมชาววังโดยนำถั่วกวนมาตกแต่งให้ดูน่ากินมากขึ้น ใช้ได้ทั้ง ถั่วดำ และถั่วแดง แต่นิยมคือ ถั่วเขียว โดยนำไข่มาห่อให้เป็นตารางสวยงาม รสของขนมหวานมัน หอมกลิ่นไข่ และกลิ่นถั่วกวน ขนมหันตรา นั้นเป็นขนมมงคลของไทยที่มีมาแต่โบราณ ใช้สำหรับงานมงคล เช่นเดียวกับ ขนมทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง, ขนมเม็ดขนุน และขนมชั้น เป็นต้น โดยชื่อขนมเหมือนกับชื่อของตำบลหันตรา ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
 
ขนมดอกอัญชัน วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
29. ขนมดอกอัญชัน วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมดอกอัญชัน จัดอยู่ในประเภทขนมไทยโบราณ ที่แทบจะไม่ขายในท้องตลาดให้เห็นได้ง่าย เพราะทุกขั้นตอนของขนมไทย จัดว่าต้องใช้เวลาและละเอียดอ่อน ตั้งแต่การผสมสีให้ดูอ่อนโยน จะทำให้ขนมน่ารับประทาน การผสมแป้งก็คือเทคนิคที่สำคัญ จะทำให้ตัวขนมอร่อย
 
ขนมยิ้มเสน่ห์ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
30. ขนมยิ้มเสน่ห์ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมชาววังที่ประยุกต์มาจากคนจีน มีลักษณะขนมเป็นลูกกลม ๆ เวลาทอดหน้าขนมจะต้องแตกออกคล้ายรอยยิ้ม เนื้อขนมที่ได้มีความกรอบนอกนุ่มใน ฟู นุ่ม ร่วน ในปัจจุบันนี้ขนมหัวเราะ หารับประทานยาก ทั้ง ๆ ที่ส่วนผสมมีไม่มาก ขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยาก แถมคนทำต้องคอยลุ้นว่าขนมหัวเราะ หน้าจะแตกสมชื่อขนมหรือไม่ จนคนทำก็จะมีความสุขชอบใจไปด้วย รับประทานคู่กับชา หรือกาแฟก็อร่อย
 
ขนมโสมนัส วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
31. ขนมโสมนัส วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ คุณท้าวทองกีบม้าใช้ไข่ขาวที่เหลือจากการทำขนม มาดัดแปลงเป็นขนมอบลักษณะเหมือนเมอแรงของฝรั่ง เป็นขนมชาววัง โดยใส่มะพร้าวคั่วหอม ๆ ลงไปผสม ตั้งชื่อว่าขนมโสมนัส เนื้อเบากรอบอร่อย แถมสื่อความหมายถึงความยินดี ขนมโสมนัส เป็นขนมที่สื่อถึงความเป็นตัวแทนของความ ปิติยินดี ความปลาบปลื้มใจ เป็นการส่งความสุข ความดีใจ จากผู้ให้สู่ผู้รับ ส่วนประกอบหลักมาจากมะพร้าว และไข่ขาวอบ โดยกรรมวิธีตามสูตรโบราณ ใส่แม่พิมพ์เพื่อให้มีขนาดเท่ากัน โดยขนมเป็นลักษณะเหมือนกับคุกกี้มะพร้าว ตามสไตล์ขนมไทยโบราณ ไว้เป็นของฝากที่ทรงคุณค่าสำหรับผู้ใหญ่ หรือเป็นขนมที่แสดงความยินดีสำหรับงานมงคล นิยมทานเล่นหรือทานพร้อมกับกาแฟ ก็อร่อยไม่แพ้กัน
 
ขนมเล็บมือนาง ขนมด้วง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
32. ขนมเล็บมือนาง ขนมด้วง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ หรืออีกชื่อที่เรียกกันคือขนมด้วง ขนมไทยโบราณ อีกชนิดหนึ่ง ที่เริ่มจะหาทานได้ยากในปัจจุบัน เวลารับประทานจะได้กลิ่นหอม ๆ ของงา ซึ่งตัวขนมจะมีความเหนียวนุ่ม หวานมันจากกะทิสด นิยมทำแค่ 3 สีคือสีขาว เขียว และชมพู ลักษณะตัวขนมจะเรียวแหลมคล้ายเล็บมือนาง จึงเป็นที่มาของชื่อขนมชนิดนี้
 
ขนมครกชาววัง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
33. ขนมครกชาววัง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ในยุคปัจจุบันนี้เราจะรู้สึกว่าหาทานได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ หลาย ๆ คนในยุคสมัยปัจจุบันคงจะมีความรู้สึกเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งว่า ขนมชาววัง ไทยโบราณหลาย ๆ อย่างของพวกเรา ที่เราเคยทานกันตอนเด็ก ๆ แต่ตอนนี้หาทานได้ยากมากขึ้น บางอย่างแทบจะหาทานไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
 
ขนมขี้มอด วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
34. ขนมขี้มอด วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมขี้มอด นั้นทำมาจากข้าวสาร หรือข้าวที่เหลือก้นหม้อ หรือจะเป็น แป้งข้าวเจ้า จากนั้นนำมาคั่วจนกรอบขึ้นเป็นสีน้ำตาลแล้วนำไปตำให้ละเอียดผสมกับมะพร้าวขูดคั่วตำละเอียดเช่น กันโดยปรุงรสด้วยน้ำตาล และเกลือ ลักษณะหน้าตาของขนมที่เสร็จแล้วจะมีลักษณะป่นละเอียดคล้ายกับเศษไม้หรือเศษข้าวที่ตัวมอดแทะไว้ นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ ขนมขี้มอด เป็นขนมไทยโบราณของทางภาคใต้ ว่ากันว่ามาจากภูมิปัญญาประยุกต์ของขนมชาววัง มีส่วนผสมเป็นของพื้นบ้านที่หาได้ง่ายเพียง 4 อย่างก็จริง แต่ขนมชนิดนี้กลับถูกลืมเลือนไปเสียแล้ว อาจเป็นเพราะขั้นตอนการทำที่ต้องใช้ความใจเย็น และใส่ใจ จะละสายตาไม่ได้เลยทีเดียว เพราะจะทำให้ส่วนผสมไหม้เสียหมดอดกินเสียก่อน เมนูขนมไทยโบราณ จะกินเปล่า ๆ ก็เคี้ยวเพลิน หรือจะจิ้มกับผลไม้ก็ได้เช่นกัน ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนที่หาวิธีใช้ประโยชน์จากของที่กินเหลือที่ดีเลยนะครับ เรื่องรสชาติคงไม่พูดถึงไม่ได้ เป็นขนมที่กินแล้วเพลินจนหยุดไม่ได้เลยจริง ๆ
 
ขนมตาล วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
35. ขนมตาล วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมชาววังไทยดั้งเดิม เนื้อขนมมีลักษณะเป็นแป้งสีเหลืองเข้ม นุ่ม ฟู มีกลิ่นตาลหอมหวาน ขนมตาลทำจากเนื้อตาลจากผลตาลที่สุกงอม โดยกรรมวิธีใช้แป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาล ผสมกันตามกรรมวิธี จากนั้นใส่กระทงใบตอง โรยมะพร้าวขูด และนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นเนื้อลูกตาลยีที่เป็นส่วนผสมในการทำขนมตาล ได้จากการนำผลตาลที่สุกจนเหลืองดำ เนื้อข้างในมีสีเหลือง มีกลิ่นแรง ซึ่งส่วนมากจะหล่นจากต้นเอง มาปอกเปลือกออก นำมายีกับน้ำสะอาดให้หมดสีเหลือง นำน้ำที่ยีแล้วใส่ถุงผ้า ผูกไว้ให้น้ำตกเหลือแต่เนื้อลูกตาล โดยในปัจจุบัน หาทานขนมตาลรสชาติดีได้ยาก เนื่องจากปริมาณการปลูกต้นตาลที่ลดลง ขนมตาลที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการมักใส่เนื้อตาลน้อย เพิ่มแป้งและเจือสีเหลืองแทน ซึ่งทำให้ขนมตาลมีเนื้อกระด้าง ไม่หอมหวาน และไม่อร่อย
 
ขนมใส่ไส้ ขนมสอดไส้ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
36. ขนมใส่ไส้ ขนมสอดไส้ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมใส่ไส้ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ขนมสอดไส้ เป็นขนมไทยที่ใช้ในพิธีขันหมากในสมัยโบราณ โดยขนมใส่ไส้นี้จะห่อด้วยใบตองแล้วมีเตี่ยวคาด (เตี่ยวก็คือทางมะพร้าว) ห่อเป็นทรงสูง ขนมใส่ไส้มีกลิ่นหอม และหวานจากตัวไส้ รสเค็มมันด้วยหน้ากะทิที่สดใหม่ หน้าข้นพอดี ไม่เละ
 
ข้าวกระยาคู วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
37. ข้าวกระยาคู วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ถือได้ว่าเป็นขนมชาววังไทยโบราณที่ใช้ข้าวอ่อนที่ยังเป็นระยะน้ำนม และเปลือกมีสีเขียวอ่อน คั้นออกมาเป็นน้ำ หรือใช้แป้งข้าวเจ้าเคี่ยวกับน้ำใบเตยคั้นสดจนเนื้อเหนียวข้นสีเขียวอ่อน จากนั้นราดด้วยหัวกะทิรสเค็มเล็กน้อย และใส่เครื่องธัญพืชหรือมะพร้าวอ่อนเพิ่มได้
 
ปลาแห้งแตงโม วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
38. ปลาแห้งแตงโม วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เมนูของว่างที่คนโบราณนิยมทานในฤดูร้อน ที่ช่วยดับร้อน และทำให้สดชื่น ด้วยน้ำอันชุ่มฉ่ำจากแตงโม เข้ากันกับรสชาติเค็มนิด ๆ ของปลาแห้ง ซึ่งเป็นของว่างที่หาทานยากในยุคสมัยนี้
 
ปลาแห้งแตงโม ขนมโบราณ ขนมชาววัง ที่เป็นภูมิปัญญาไทยที่มีมาอย่างแพร่หลายตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และยังสืบทอดต่อกันมาจนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ตามที่ได้บันทึกไว้ในจดหมายเหตุกรมหลวงนรินทรเทวี ความว่า นับเป็นอาหารจัดเลี้ยงในงานสมโภชพระพุทธมณีรัตนมหาปฏิมากรพระแก้วมรกต และฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในรัชกาลที่ 1 ที่เป็นงานใหญ่ โดยนิมนต์พระสงฆ์ฉันอาหารถึงวันละ 2,000 รูป อาหารอื่น ๆ ในงานที่ปัจจุบันยังรู้จักกันก็มีไก่พะแนง หมูผัดกับกุ้ง มะเขือชุบไข่ทอด ไข่เจียว ลูกชิ้น กุ้งต้ม ฯลฯ ส่วนปลาแห้งแตงโม ไม่ขึ้นโต๊ะอาหารไทยมานานแล้ว โดยจากจดหมายเหตุนี้เองทำให้เราได้ทราบว่าเมนู ปลาแห้งแตงโม นั้นเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายถึงขนาดที่ทำถวายพระกันในงานพระราชพิธีสมโภชพระพุทธมณีรัตนมหาปฏิมากรพระแก้วมรกตกันเลยทีเดียว ความแปลกที่ลงตัวหาทานได้ยากแต่ขั้นตอนการทำนั้นไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด
 
สาคูไส้ปลา สาคูไส้หมู วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
39. สาคูไส้ปลา สาคูไส้หมู วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารชาววังที่หารับประทานได้ค่อนข้างยากแล้วในปัจจุบันอีกทั้งตัวแป้งสาคูที่ทำจากต้นสาคูค่อนข้างหายยากนั้นเองทำให้รสชาติที่เป็นต้นตำรับแท้ๆนั้นค่อนข้างทำได้ยาก แต่จะใช้แป้งสาคูสำเร็จรูปทั่วไปก็อร่อยไปอีกแบบ
 
หมูโสร่ง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
40. หมูโสร่ง วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นจานที่ต้องใช้ความใจเย็น และพิถีพิถันค่อนข้างมาก ขนมชาววังจานนี้ใช้เนื้อหมูสับบดละเอียด ปรุงรสด้วยเครื่องเทศเพิ่มความหอมได้ตามใจชอบ นำมาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดประมาณหัวนิ้วโป้ง พันด้วยเส้นหมี่ซั่วแล้วจึงทอดจนเส้นกรอบน่ารับประทาน
 
ม้าฮ่อ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
41. ม้าฮ่อ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นอาหารว่างไทย ขนมชาววังโบราณที่ใช้ผลไม้รสเปรี้ยวจัด เช่น สับปะรด, ส้มเขียวหวาน, ส้มโอ และส้มเช้ง โดยปอกเปลือกแบ่งเป็นชิ้น แล้วทับด้วยเครื่องคล้ายข้าวเกรียบปากหม้อหรือไส้สาคูไส้หมู เพียงแต่จะไม่ใส่หัวผักกาดแห้ง หรือไชโป๊ว แต่งหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าซอยหรือผักชี ม้าฮ่อ คือของว่างไทยโบราณ แต่เดิมเป็นขนมเคียงกินแกล้มผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด เช่น สับปะรด นิยมทำในเทศกาลงานบุญ และเป็นอาหารในพิธีต่าง ๆ ตามความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญ โดยจะมีรสชาติเค็มหวานของตัวไส้หมู จะช่วยตัดรสชาติเปรี้ยวของผลไม้ ที่จะทำให้เกิดรสชาติกลมกล่อมในปากภายในคำเดียว และหากไม่มีสับปะรดก็ใช้ผลส้มเขียวหวานแทนได้ แต่จะเรียกว่า มังกรคาบแก้ว อกจากนี้ยังมีการใช้มะยงชิดหรือกีวีที่มีรสชาติเปรี้ยวได้ นิยมทำเนื่องในเทศกาลงานบุญหรือพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะในชุมชนเชื้อสายมอญ
 
ขนมปังหน้าหมู วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
42. ขนมปังหน้าหมู วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ อาหารชาววังที่ประยุกต์มาจากฝรั่ง อาหารว่างอีกอย่างหนึ่งที่ถูกนำมาดัดแปลงโดยใช้แผ่นขนมปังของฝรั่งมาผสมผสานให้เกิดการลงตัว และรับประทานพร้อมกับอาจาด เครื่องจิ้มรูปแบบอินเดีย ด้วยเนื้อหมูสับปรุงรส ต้องได้รสเค็มนิดๆ เพื่อให้เข้ากันกับอาจาดที่มีรสหวานอมเปรี้ยว หรือบางครั้งอาจเปลี่ยนเนื้อสัตว์ด้านหน้าให้เป็น ไก่, เนื้อ หรือกุ้งก็ได้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
 
ขนมทองโปร่ง ขนมหน้านวล วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
43. ขนมทองโปร่ง ขนมหน้านวล วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมโบราณที่ทำจากไข่แดงตีให้ขึ้นฟูกับน้ำตาลทรายป่น โดยมีส่วนผสมแป้งสาลี ผสมแล้วหยอดในพิมพ์รูปเรือ อาจดูไปก็คล้ายอบของขนมฝรั่งทั่วไป แต่ลักษณะที่ดี คือ ด้านในต้องโปร่งมีน้ำเชื่อมเหนียว ๆ เล็กน้อยผิวหน้าเรียบเนียนดังชื่อหน้านวล ขนมเมื่อสุกนำออกจากพิมพ์ลักษณะจะคล้ายก้อนทอง (ทองแท่ง) จัดเป็นขนมมงคลหนึ่งในตระกูลทองเช่นกัน ถือเป็นขนมชาววังที่ประยุกต์มาจากฝรั่ง
 
เม็ดขนุน วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
44. เม็ดขนุน วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ โดยขนมมีความหมายสื่อถึง ความสำเร็จ มีคนสนับสนุนค้ำจุนอีกด้วย ตัวเนื้อเม็ดขนุน ประกอบไปด้วย ถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก หัวกะทิ มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น และน้ำตาลทราย โดยนอกจากการปั้นเป็นรูปเม็ดขนุนแล้ว เรายังสามารถปั้นเป็นลูกจันทน์ ด้วยการปั้นเป็นก้อนกลม และกดให้แบนลงเล็กน้อยได้ด้วยเช่นกัน
 
ขนมกล้วยบวชชี วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
45. ขนมกล้วยบวชชี เป็นขนมหวานไทยชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนประกอบหลักของกล้วยบวชชีประกอบด้วย กล้วยน้ำว้า มะพร้าวหรือน้ำกะทิ ในสมัยก่อนคนไทยนิยมใช้กะทิเป็นส่วนประกอบของอาหารจึงทำให้เกิดเมนูนี้ ปัจจุบันสามารถใช้กล้วยไข่แทนได้ โดยชาวอีสาน และชาวภาคกลาง สมัยก่อนนิยมทำกล้วยบวชชีเพื่อรับประทานกันภายในครอบครัวหลังจากทำงานการเกษตร ทำไร่อย่างเหน็ดเหนื่อยโดยใช้วัตถุดิบจากกล้วยภายในบ้านของตนเอง นอกจากนี้ยังนำกล้วยบวดชีไปทำบุญที่วัด ใช้รับแขกที่มาบ้าน งานขึ้นบ้านใหม่หรือตามประเพณีต่าง ๆ โดยสาเหตุที่ชื่อ กล้วยบวชชี เพราะสีจะค่อนข้างขาว จึงเปรียบได้กับเครื่องแต่งกายของชี
 
ขนมถ้วยโบราณ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
46. ขนมถ้วย หรือขนมถ้วยตะไล เป็นขนมไทยที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาล นึ่งในถ้วยตะไลซึ่งเป็นถ้วยกระเบื้องเล็ก ๆ ชนิดหนึ่ง ใส่ใบเตย และราดด้วยน้ำกะทิอีกครั้ง โดยบางครั้งอาจผสมเกลือหรือไข่ ย่านที่ขายและพบเห็นขนมถ้วยที่ได้บ่อยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
 
ขนมถ้วย หรือขนมถ้วยตะไล นั้นเป็นขนมโบราณที่มีรสชาติของกระทิ รสชาติหอมหวาน ตัดด้วยรสมันเค็มอ่อน ๆ ได้อย่างลงตัว มีกลิ่นหอมของใบเตย และรสชาติกลมกล่อม โดยมาในถ้วยตะไลเล็ก ๆ พร้อมกับไม้พายหรือไม้ไอติมเพื่อแคะขนมออก บางคนอาจคุ้นชินกับขนมถ้วยจากร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่นำมาเรียงบนโต๊ะเป็นคู่ ๆ จัดเป็นอาหารว่าง เป็นหนึ่งในเมนูขนมไทยที่เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน และหาทานได้ไม่ยาก
 
ขนมตะลุ่มใบเตย วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
47. ขนมตะลุ่มใบเตย วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมไทยโบราณลักษณะคล้ายขนมถ้วยตะไล แต่จะมีหน้าเป็นสังขยา
 
ขนมไข่นกกระทา ขนมไข่เต๋า สูตรขนมไทย
 
48. ขนมไข่นกกระทา หรือขนมไข่เต่า ขนมไทย ขนมโบราณ โดยในอดีตจะเรียกว่าขนมไข่เต่า แต่เนื่องจากต่อมาไข่เต่าเป็นสัตว์สงวน จึงเปลี่ยนชื่อ) คือ ขนมชนิดหนึ่ง เป็นขนมที่นิยมมากในอดีตตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา แม้กระทั่งรัตนโกสินทร์ จนถึงปัจจุบันเพราะสามารถทำได้ง่าย ราคาถูก และมีรสชาติติดปาก รับประทานง่าย โดยมีลักษณะเป็นก้อนกลม สีเหลืองอ่อน ทำด้วยแป้งมัน แล้วนำไปทอด รสชาติหอมหวานมัน ข้างนอกจะแข็ง ข้างในนุ่ม นิยมขายตามร้านกล้วยทอด เผือกทอด มันทอด ข้างทาง
 
ขนมบ้าบิ่น วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
49. ขนมบ้าบิ่น วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ ขนมไทยอย่างหนึ่ง ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมกับมะพร้าว และนํ้าตาลทรายรวมถึงไข่ไก่ โดยจะทำให้สุกด้วยการผิงไฟล่างไฟบน ลักษณะเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบน ๆ เป็นขนมที่มีที่มาจากขนมโปรตุเกส เช่นเดียวกับขนมไทยอีกหลาย ๆ ประเภท แต่ขนมบ้าบิ่นน่าจะถือกำเนิดในยุครัตนโกสินทร์
 
ส่วนที่มาของชื่อ "บ้าบิ่น" มีที่มาด้วยกันสองกระแส บ้างก็ว่ามาจากผู้ที่เป็นเจ้าของตำรับซึ่งเป็นชาวชุมชนกุฎีจีนชื่อ "แม่บิ่น" โดยครั้งแรกใช้ชื่อว่า "ขนมป้าบิ่น" และเรียกเพี้ยนจนกลายเป็นบ้าบิ่นในที่สุด
 
ขณะที่อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่า ด้วยความที่ขนมบ้าบิ่นนั้นมีที่มาจากขนมโปรตุเกสชื่อ กลชาดาซ เดอ กรูอิงบรา (Queijadas de Coimbra) ซึ่งจะใช้เนยแข็งเป็นวัตถุดิบ โดยเรียกกันติดปากเพียงคำสุดท้าย คือ "บรา" และต่อมานั้นเพิ่มคำว่า "บิ่น" เข้าไป จนกลายมาเป็นขนมบ้าบิ่นในที่สุดโดยแหล่งของขนมบ้าบิ่นที่ขึ้นชื่อ คือ อำเภอท่าเรือ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
 
ขนมถั่วแปบ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ
 
50. ขนมถั่วแปบ วิธีทำขนมไทยชาววัง สูตรขนมโบราณ เป็นขนมไทยชนิดหนึ่ง ที่ทำด้วยแป้งข้าวเหนียวห่อไส้ที่เป็นถั่วเขียวซีกเราะเปลือก มะพร้าวขูด แล้วนำไปนึ่ง โดยขนมจะมีลักษณะใกล้เคียงกับขนมถั่วแปบคือขนมเขียว มีไส้เป็นแบบเดียวกัน
 
ขนมหม้อแกง หรือขนมกุมภมาศ ขนมไทยชาววัง
 
51. ขนมหม้อแกง หรือขนมกุมภมาศ ขนมไทยชาววัง คือขนมที่ใช้ไข่ แป้ง และกะทิเป็นส่วนประกอบสำคัญ โดยจะนำผสมกันในถาดตามสัดส่วน แล้วจึงนำไปอบจนหน้าของขนมหม้อแกงมีสีน้ำตาลทอง น่ารับประทาน โดยปัจจุบันมีการทำเผือก เม็ดบัว ถั่ว และหอมเจียว มาผสม และแต่งหน้าขนมหม้อแกง จึงทำให้ขนมหม้อแกงมีรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น ขนมหม้อแกงได้รับความนิยมชมชอบจากชนชั้นสูงในวัง ต่อมาเมื่อลูกมือในบ้านของท้าวทองกีบม้าได้แต่งงาน ก็ได้นำสูตร และวิธีการทำขนมหม้อแกงออกมาถ่ายทอด ทำให้ชาวบ้าน คนธรรมดา ได้มีโอกาสรู้จักกับขนมหม้อแกง เมื่อปี พ.ศ. 2529 จังหวัดเพชรบุรี ก็ได้มีการบูรณะพระนครคีรีให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นทำขนมหม้อแกงที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นออกมาจำหน่าย ทำให้ขนมหม้อแกงเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี
 
ขนมหม้อแกง เมื่อสมัยก่อนจะทำกินกันเฉพาะในงานสำคัญต่าง ๆ เช่น งานบวช หรืองานแต่งงาน โดยขนมหม้อแกงนั้นจะถูกอบในเตาถ่านที่ใช้แผ่นสังกะสีมาคลุมบนถาดขนม จากนั้นจะใช้ถ่านหรือกาบมะพร้าวจุดไฟ แล้วเกลี่ยให้ทั่วสังกะสี โดยขนมหม้อแกงจะได้รับความร้อนทั้งด้านบน และด้านล่าง จึงทำให้หน้าของขนมหม้อแกงมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลทองน่ารับประทาน
 
ขนมกล้วย หรือเข้าหนมกล้วย ขนมไทยชาววัง
 
52. ขนมกล้วย หรือเข้าหนมกล้วย ขนมไทยชาววัง เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า ส่วนผสมหลักมีกล้วยน้ำว้าสุกงอม แป้งข้าวเจ้า และน้ำตาลทราย นำมาคลุกเคล้าและนวดให้เข้ากัน
 
ขนมตะโก้เผือก ขนมไทย ขนมโบราณ
 
53. ขนมตะโก้เผือก ขนมไทย ขนมโบราณ ทำด้วยแป้งข้าวเจ้าผสมกับแป้งเท้ายายม่อมกวนเข้ากับน้ำตาล ใส่แห้วหรือข้าวโพดเป็นต้นก็ได้ หยอดหน้าด้วยกะทิกวนกับแป้ง

บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร หมวดหมู่: บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร

รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร กลุ่ม: รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร

ปรับปรุงล่าสุด : 5 เดือนที่แล้ว

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก ศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งมรดก

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และอนุสาวรีย์(8)

แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน แลนด์มาร์ก และอนุสรณ์สถาน(4)

พระราชวัง พระราชวัง(2)

ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ศูนย์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี(34)

พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์(23)

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ

พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา(1)

ไร่ สวนเพื่อการศึกษา ไร่ สวนเพื่อการศึกษา(5)

ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์ฝึกอบรม(1)

มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์

วัด วัด(80/1270)

มัสยิด มัสยิด(2)

สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ สถานที่เกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ(17)

โครงการในพระราชดำริ โครงการในพระราชดำริ

โครงการหลวง โครงการหลวง(44)

วิถีชีวิต วิถีชีวิต

หมู่บ้าน ชุมชน หมู่บ้าน ชุมชน(28)

ตลาดท้องถิ่น ตลาดท้องถิ่น(13)

ธรรมชาติ และสัตว์ป่า ธรรมชาติ และสัตว์ป่า

อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตอนุรักษ์ทางทะเล(16)

ดอย และภูเขา ดอย และภูเขา(18)

เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ เขื่อน พื้นที่อนุรักษ์ ทะเลสาบ(25)

น้ำตก น้ำตก(42)

น้ำพุร้อน น้ำพุร้อน(13)

ถ้ำ ถ้ำ(10)

แม่น้ำลำคลอง แม่น้ำลำคลอง(5)

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ(12)

บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร บันเทิง และท่องเที่ยวเชิงเกษตร

สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(2)

แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์ แคมป์สัตว์ และการแสดงสัตว์(3)

ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ฟาร์ม, ไร่, สวน, สวนสาธารณะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ(12)

กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมผจญภัย กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมผจญภัย(5)

ช้อปปิ้ง ช้อปปิ้ง

ช้อปปิ้ง และตลาดกลางคืน ช้อปปิ้ง และตลาดกลางคืน(4)

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว

หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว หมายเลขโทรศัพท์สำคัญในการท่องเที่ยว(1)

บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร บทความท่องเที่ยว, สูตรอาหาร

รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร รีวิวท่องเที่ยว, รีวิวอาหาร(14)

เมนูอาหารเหนือ, สูตรอาหารเหนือ เมนูอาหารเหนือ, สูตรอาหารเหนือ(28)

ขนมไทยภาคเหนือ, สูตรอาหารเหนือ ขนมไทยภาคเหนือ, สูตรอาหารเหนือ(17)